วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โลโก้ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย

ออกแบบ โลโก้ทีมฟุตบอล

 
 
 
 

ทีมฟุตบอล Liverpool

Liverpool



ประวัติทีม ลิเวอร์พูล ก่อนที่จะเป็นลิเวอร์พูลเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จอห์น โฮลดิ้ง นักธุรกิจท้องถิ่นและว่าที่นายกเทศมนตรีเมือง ลิเวอร์พูล ได้เช่าพื้นที่บริเวณ แอนฟิลด์ โร้ด ( Anfield Road ) จากบริษัทผลิตเบียร์ท้องถิ่น ของลิเวอร์พูลที่ชื่อ ออร์เรลล์ บราเธอร์ บริวเวอร์รี่ เพื่อที่จะสร้างสนามฟุตบอล เมื่อสร้างเสร็จได้ปล่อยให้ทีมเอฟเวอร์ตันเช่าในปี 1884 ( ซึ่งทีมเอฟเวอร์ตันถือกำเนิดมาก่อนหน้านี้แล้ว 4ปี ) ต่อมาเมื่อเอฟเวอร์ตันเป็นสมาชิกฟุตบอลลีก โฮลดิ้ง จึงขึ้นค่าเช่าและพยายามจะเข้าไปบริหารงานในส่วนโภชนาการของทีม กลุ่มผู้บริหารของเอฟเวอร์ตันจึงตัดสินใจเลิกสัญญาเช่าในปี 1892 และตัดสินใจย้ายสนามไปอีกฟากหนึ่งของสวนสาธารณะ สแตนลี่ย์พาร์ค เพื่อไปสร้างสนามที่กูดิสันปาร์ค ทำให้สนามฟุตบอลของโฮลดิ้งไม่ได้ใช้ประโยชน์ โฮลดิ้ง จึงคิดสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมา และได้ให้ จอห์น แมคเคนน่า ( เพื่อนซี้ของโฮลดิ้ง ) มาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร โดยตั้งชื่อทีมฟุตบอลนี้ว่า "Liverpool Football Club" หรือ "LFC"ก่อกำเนิดตำนานหงส์แดง หลังจากที่ทีมลิเวอร์พูลถูกก่อตั้งได้ไม่นาน ก็ได้มีการจัดการแข่งขัดนัดอุ่นเครื่องซึ่งเป็นการลงสนามนัดแรกของทีมลิเวอร์พูลกับทีมร็อตเตอร์แฮม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมลิเวอร์พูลชนะทีมถึง 7-1 และลิเวอร์พูล ได้ลงแข่งขันฟุตบอลลีกของแคว้น แลงคาเชียร์ ปรากฏว่าลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะ 17 นัด และได้แชมป์ไปครองสำเร็จซึ่งส่งผลให้พวกเขาส่งทีมสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกและได้รับการยอมรับและถูกคัดเลือกให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1893-1894 ทีมจึงได้เลือกสัญลักษณ์ของทีมเป็น นกลิเวอร์เบิร์ด ( Liverbird ) ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวณแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ โดยที่ปากนกคาบใบไม้ไว้ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางของในฟุตบอลลีกในวันที่ 2 กันยายน 1893 โดยทีมลิเวอร์พูลออกไปเยือนทีมมิดเดิลส์โบรซ์ ไอโรโนโปลิส และเรื่องเหลือเชื่อก็ได้เกิดขึ้นคือทีมลิเวอร์พูลได้แชมป์มาครองโดยที่พวกเขาไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล ( ทั้งหมด 28 นัด ) แต่ว่าการคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ ( ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน ) และได้ลงแข่งที่สนามของทีมแบล็คเบิร์น ซึ่งทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมนิวตัน ฮีธไปด้วยผล 2-0 และได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในที่สุดที่มาของคำว่า "The Kop" เมื่อลิเวอร์พูลเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 ต้องพบกับมหาอำนาจลูกหนังของอังกฤษในยุคแรกไม่ว่าจะเป็น เปรสตัน,ฮัดเดอร์สฟิลด์,แบล็คเบิร์น และที่สำคัญคือ เอฟเวอร์ตันทีมร่วมเมืองในขณะนั้น โดยศึกดาร์แมตช์นัดแรกเกิดขึ้นในวันที่ 16 ต.ค. 1894 ระหว่างทีมลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตันโดยลิเวอร์พูลออกไปเยือน ปรากฏว่าลิเวอร์พูลแพ้ 3-0 ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 40000 คน และในการเจอกันที่แอนฟิลด์ทำได้แค่เสมอ 2-2 ในปีแรกของลิเวอร์พูลในดิวิชั่น 1 จบฤดูกาลด้วยอันดับสุดท้ายของตารางและต้องกลับไปเล่นในดิวิชั่น 2 แต่เพียงแค่ปีเดียวก็กลับขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 อีกครั้ง ภายใต้การนำทีมของผู้จัดการทีมที่ชื่อ ทอม อัตสัน การกลับขึ้นมาครั้งนี้ลิเวอร์พูลอยู่ในดิวิชั่น 1 นานกว่าเดิมและยังประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1900-1901 เป็นครั้งแรกอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามแฟนบอลของลิเวอร์พูลต้องดูทีมของตนเองเล่นในดิวิชั่น 2 อีกครั้งในปี 1904 แต่ลิเวอร์พูลก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาและคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1905-1906 ในช่วงนี้ฉายา The Kop ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อลิเวอร์พูลสร้างสนามใหม่ และตั้งชื่ออัฒจันทน์หลังประตูว่า สปิออน ค็อป โดยนักข่าวของหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูลเดลี่โพสต์ ที่มีชื่อว่า เออร์เนสต์ เอ็ดเวิร์ตส์ เป็นผู้เสนอชื่อนี้ขึ้นมา สำหรับคำว่า "สปิออน ค็อป" เป็นชื่อของเนินเขาที่นาทาลในสงครามบัวร์ที่แอฟริกาใต้เมื่อปี 1900 แปลว่า "จุดที่ได้เปรียบ" สงครามครั้งนั้นอังกฤษส่งทหารเข้าร่วม 300 นายและได้เสียชีวิตเกินครึ่งหนึ่งโดยส่วนมากจะเป็นทหารจากเมืองลิเวอร์พูล จึงตั้งชื่ออัฒจันทน์เพื่อเป็นเกียรติประวัติความกล้าหาญ และใครที่ได้ไปดูการแข่งขันฟุตบอลบริเวณอัฒจันทน์นั้นจะเรียกตัวเองว่า "The Kop" จึงเป็นฉายาของลิเวอร์พูลมาจนถึงปัจจุบันนี้รอยมลทิน ในปี 1914-1915 ประวัติศาสตร์ต้องจารึกอีกครั้งเมื่อทีมลิเวอร์พูลและทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพากันล้มบอลเพื่อที่ทีมจะได้ไม่ตกชั้น โดยตอนนั้นทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องชนะทีมลิเวอร์พูล หลังการแข่งขันผลปรากฏว่าทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะทีมลิเวอร์พูล 2-0 ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรอดพ้นจากการตกชั้นแต่ไม่รอดพ้นจาการสอบสวนจากฟุตบอลลีก 8 นักเตะจากทั้งสองทีมดังโดนห้ามแข่งตลอดชีวิต ในเวลาต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังสงครามโลกโทษต่างๆถูกยกเลิกเหตุผลเพราะว่าทีมต้องฟื้นฟู ซึ่งตอนนั้นประธานฟุตบอลลีกอังกฤษ คือ จอห์น แมคเคนน่า ( อดีตประธานสโมสรลิเวอร์พูล ) เป็นผู้ที่มีส่วนผลักดันให้โทษแบนเป็นโมฆะด้วยรากฐานความสำเร็จ ในช่วงทศวรรษที่ 20-50 ทีมลิเวอร์พูลยังไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่ มีผลงานขึ้นๆลงๆระหว่างดิวิชั่น 1 กับดิวิชั่น 2 อยู่ประจำ จนถึงปี 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงทีมลิเวอร์พูล ได้ผู้จัดการทีมชื่อ จอร์ช เคย์ เพียงปีเดียว เคย์ ก็สามารถนำทีมลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 หลังจากนั้นทีมลิเวอร์พูลก็ขึ้นๆลงๆระหว่างดิวิชั่น 1 กับดิวิชั่น 2 อีกครั้ง จนปี 1954 ทีมลิเวอร์พูลต้องลงไปเล่นดิวิชั่น 2 และครั้งนี้อยู่นานกว่าปกติ ผู้จัดการทีมหลายต่อหลายคนไม่อาจพาทีมกลับมาดิวิชั่น 1 ได้ จนกระทั่งการมาของผู้จัดการทีมที่ชื่อว่า บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ทีมลิเวอร์พูลได้ลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 นานถึง 7 ฤดูกาล โดยเป็นยุคของแชงค์ลี่ย์ 2 ฤดูกาล ก่อนที่แชงค์ลี่ย์จะพาทีมเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 2 ในปี 1962 ปรัชญาการทำทีมของแชงค์ลี่ย์ คือ ฟุตบอลง่ายๆ เน้นการผ่านและรับบอลอย่างแม่นยำ เล่นกันเป็นทีมมากกว่าความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทีมจวบจนปัจจุบั

ทีมฟุตบอล Arsanal

Arsenal

เริ่มก่อตั้งจนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
สโมสรฟุตบอลอาร์เซน่อลเริ่มต้นขึ้น เมื่อกลุ่มคนงานของโรงงานผลิตอาวุธอาร์เซน่อลในแขวงวูลวิชของลอนดอน ตัดสินใจที่จะก่อตั้งทีมฟุตบอลของตนเองขึ้นมาในช่วงปลายปี 1886 สโมสรของพวกเขาลงเตะภายใต้ชื่อทีมไดอัล สแควร์ แมตช์แรกของทีมคือชัยชนะเหนือทีมอีสเทิร์น วันเดอเรอร์ส 6-0 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 1886
หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นรอยัล อาร์เซน่อล และยังคงแข่งขันในเกมอุ่นเครื่องและรายการท้องถิ่นต่อไป จนถึงปี 1891 สโมสรก็เปลี่ยนเป็นทีมฟุตบอลอาชีพและเปลี่ยนชื่อมาเป็นวูลวิช อาร์เซน่อล และได้เข้าร่วมการแข่งขันในฟุตบอลลีกเมื่อปี 1893 ทีมปืนใหญ่ย้ายเข้ามาเล่นในไฮบิวรี่เมื่อปี 1913 หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ลีกดิวิชั่น 1 ก็เพิ่มจำนวนทีมเป็น 22 ทีม และอาร์เซน่อลก็ได้รับการโหวตให้เข้าร่วมเตะในลีกสูงสุดนี้ด้วย และก็ไม่เคยถูกลดชั้นเลยนับตั้งแต่นั้นมา
ในระหว่างทศวรรษ 1930 อาร์เซน่อลได้แชมป์ลีก 5 สมัย โดยแชมป์สมัยแรกมาถึงในปี 1931 ภายใต้การคุมทีมของเฮอร์เบิร์ต แช็ปแมน ในฤดูกาล 1932/33 และ 1934/35 อาร์เซน่อลก็ทำแฮตทริกแชมป์ (ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งในลีกสูงสุด) และในทศวรรษนี้เอง อาร์เซน่อลก็เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพได้อีก 3 ครั้ง โดยคว้าแชมป์มาครองได้ 2 ครั้ง และมีนักเตะระดับตำนานของวงการฟุตบอลอังกฤษอยู่ในทีมหลายคนในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ เจมส์,เท็ด เดร็ค,คลิฟฟ์ บาสติน,เดวิด แจ๊ค,เอ๊ดดี้ แฮ็ปกู้ดและจอร์จ เมล ซึ่งล้วนแต่เป็นกำลังสำคัญของทีมที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งที่เคยมีมาในฟุตบอลลีก น่าเศร้าที่แช็ปแมน ผู้จัดการทีม เสียชีวิตลงในปี 1934 แต่ก็มีคนเข้ามาสานต่อในสิ่งที่เขาสร้างไว้ต่อไป ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะทำให้การเดินหน้าของอาร์เซน่อลต้องหยุดชะงักลง
สงครามโลกครั้งที่สองจนถึงสหัสวรรษใหม่
ในปี 1947 ทอม วิทเทคเกอร์เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม และนำสโมสรประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง อาร์เซน่อลได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 1947/48 และ 1952/53 และเป็นแชมป์เอฟเอคัพในปี 1950 และรองแชมป์ในปี 1952
ในทศวรรษที่ 60 เส้นทางของการนำถ้วยแชมป์เข้าสู่ถิ่นไฮบิวรี่เริ่มตีบตับ โดยการแพ้ในนัดชิงชนะเลิศลีกคัพสองครั้งในปี 1968 และ 1969 ถือว่าเป็นการก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุดของทีมในตอนนั้น อย่างไรก็ตามในทศวรรษดังกล่าวได้มีการแต่งตั้งเบอร์ตี้ มีเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 1966 และในทศวรรษถัดมาเขาก็เป็นผู้ช่วยเขียนประวัติศาสตร์หน้าสำคัญหน้าหนึ่งให้กับอาร์เซน่อล ในฤดูกาล 1970/71 มีนำทีมปืนใหญ่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลลีกและเอฟเอคัพได้เป็นครั้งแรก โดยคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 มาครองได้หลังบุกไปพิชิตสเปอร์สถึงถิ่น และได้แชมป์เอฟเอคัพด้วยการแซงกลับมาชนะลิเวอร์พูล 2-1 ที่เวมบลีย์
ในปลายทศวรรษดังกล่าว เทอร์รี่ นีลล์นำอาร์เซน่อลเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพได้ 3 สมัยซ้อน และได้แชมป์ในปี 1979 โดยชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 จาก 5 นาทีสุดท้ายแห่งความทรงจำ ในปี 1980 อาร์เซน่อลเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศคัพวินเนอร์สคัพด้วยทีมที่มีทั้งเกรแฮม ริกซ์,แฟรงค์ สเตเปิลตัน,แพท ไรซ์,เดวิด โอเลียรี่และเลียม เบรดี้รวมอยู่ด้วย ในช่วงซัมเมอร์ปี 1986 จอร์จ เกรแฮม อดีตมิดฟิลด์ตัวเก่งของทีมในชุดที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์เมื่อปี 1971 ก็เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม และเขาก็นำความสำเร็จเข้าสู่ทีมได้อีกครั้ง โดยตัวจุดประกายการก้าวสู่ความสำเร็จของทีมในอนาคตมาถึงในฤดูกาล 1986/87 เมื่ออาร์เซน่อลเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ลีกคัพที่แข่งขันภายใต้ชื่อรายการว่าลิตเติ้ลวู้ดคัพไปครอง
นับเป็นครั้งแรกที่สโมสรคว้าแชมป์ลีกคัพไปครองได้ เกรแฮมเดินหน้านำทีมคว้าแชมป์ลีกได้ในฤดูกาล 1988/89 ด้วยประตูชัยในนาทีสุดท้ายของไมเคิ่ล โธมัสที่ทำให้ทีมชนะลิเวอร์พูล 2-0 ที่แอนฟิลด์ แชมป์ลีกครั้งถัดไปมีขึ้นตามาในฤดูกาล 1990/91 ตามด้วยดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในประเทศในปี 1993 และในที่สุดทีมก็ได้แชมป์คัพวินเนอร์สคัพมาครองโดยชนะปาร์ม่าในปี 1994 การจากไปของเกรแอมตามมาด้วยการเข้ามารับตำแหน่งในช่วงสั้นๆของบรู๊ซ ริอ็อค ก่อนที่อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส จะเข้ามารับหน้าที่ในไฮบิวรี่ต่อ (กันยายน 1996) ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสรที่ไม่ใช่คนในเกาะอังกฤษ
ในฤดูกาล 1997/98 ซึ่งเป็นการทำหน้าที่แบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรกของเวนเกอร์ที่ไฮบิวรี่ อาร์เซน่อลก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์บอลลีกและเอฟเอคัพมาครองได้ นับเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสร กุนซือชาวฝรั่งเศสรายนี้ยังคว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองด้วย ฤดูกาลอันยิ่งใหญ่ของทีมในครั้งนั้นส่งผลดีต่อนักเตะฝรั่งเศสในทีมอย่างเอมมานูเอล เปอตีต์และปาทริก วิเอร่า ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติฝรั่งเศสชุดที่ได้แชมป์โลก สโมสรยังแยกทางเดินกับเอียน ไรท์ ซึ่งจากทีมไปด้วยการเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูให้ทีมสูงสุด 185 ลูกในทุกรายการด้วย
อาร์เซน่อลเริ่มต้นฤดูกาล 1998/98 ด้วยกาคว้าแชมป์แชริตี้ชิลด์ไปครอง แต่ก็จบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ชิพ และในฤดูกาลถัดไปก็ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยทั้งในแชริตี้ชิลด์และในลีก ฤดูกาล 1999/2000 อาร์เซน่อลออกสตาร์ทด้วยการพิชิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในแชริตี้ชิลด์ แต่ก็จบฤดูกาลได้อย่างน่าผิดหวังโดยแพ้ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพต่อกาลาตาซาราย ในซัมเมอร์นั้นเองโชคชะตาของดาวเตะชาวฝรั่งเศสของอาร์เซน่อลก็พลิกผันบ้าง เมื่อวิเอร่าและอองรี รวมถึงนักเตะที่ย้ายมาใหม่อย่างซิลแว็ง วิลตอร์และโรแบร์ ปิแรส ช่วยให้ทีมชาติของตนคว้าแชมป์ยูโร 2000 ไปครองได้ อาร์เซน่อลจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์ทั้งในลีกและเอฟเอคัพในฤดูกาล 2000/01 ทีมปืนใหญ่ยังผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก แต่ก็ตกรอบไปด้วยน้ำมือของบาเลนเซีย ซึ่งผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในปีนั้น
สี่ปีหลังจากอาร์แซน เวนเกอร์นำทีมอาร์เซน่อลคว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองได้ เขาก็สร้างประวัติศาสตร์นำทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นครั้งที่สองในฤดูกาล 2001/02 โดยอาร์เซน่อลคว้าแชมป์แรกมาครองด้วยการชนะเชลซี 2-0 ในมิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ก่อนที่ทีมปืนใหญ่จะจบฤดูกาลนั้นโดยทำสถิติชนะติดต่อกัน 13 นัด คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 12 ไปครองเมื่อยังเหลือเกมอีกหนึ่งนัด โดยแมตช์สำคัญคือการบุกไปชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-0 อาร์แซน เวนเกอร์ได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ขณะที่โรแบร์ ปิแรสก็คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าว ในฤดูกาลถัดไปอาร์เซน่อลพลาดการป้องกันแชมป์ไว้ได้อย่างน่าเสียดาย แต่ทีมปืนใหญ่ก็เป็นสโมสรแรกในรอบกว่า 20 ปีที่ป้องกันแชมป์เอฟเอคัพไว้ได้ด้วยการเฉือนชนะเซาแธมป์ตัน 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
เธียร์รี่ อองรีได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมทั้งของพีเอฟเอและสมาคมผู้สื่อข่าวในฤดูกาลที่เขาทำสถิติยิงประตูให้ทีมได้ครบ 100 ลูกอย่างที่เดนนิส เบิร์กแคมป์ทำได้ไปก่อนแล้ว ฤดูกาล 2003/04 อาร์เซน่อลคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพกลับมาครองได้อีกสมัยโดยไม่แพ้ใครเลยตลอดฤดูกาล โดยทำคะแนนทิ้งเชลซี ทีมอันดับสอง ไปถึง 11 แต้ม อาร์เซน่อลทำลายสถิติต่างๆมากมายบนเส้นทางสู่แชมป์ลีกสมัยที่ 13 ของทีม เชส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวสเปน ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม และจบฤดูกาลด้วยการทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของอาร์เซน่อลที่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมได้ โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ดาวเตะชาวสเปนอีกคน ก็ปรับตัวเข้ากับการลงเตะให้อาร์เซน่อลได้เป็นอย่างดี ในระหว่างที่สโมสรเดินหน้าคว้าแชมป์ลีกครั้งที่สองในรอบสหัสวรรษใหม่ไปครอง
อาร์เซน่อลเกือบจะทำสถิติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 4 แต่ก็ไปพลาดท่าแพ้ในรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพเสียก่อน ส่วนเส้นทางของทีมในแชมเปี้ยนส์ลีกก็สิ้นสุดลงในรอบก่อนรองชนะเลิศ ขณะที่นักเตะดาวรุ่งนำทีมผ่านเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายของคาร์ลิ่งคัพ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป 2004 ที่โปรตุเกสมีนักเตะอาร์เซน่อลหลายคนเข้าร่วมการแข่งขันให้กับทีมชาติของตน และนักเตะอย่างซิลแว็ง วิลตอร์,คานูและกองหลังผู้เป็นตำนานอย่างมาร์ติน คีโอว์นก็ต้องอำลาทีมไป ส่วนนักเตะใหม่ที่ย้ายเข้ามาได้แก่โรบิน ฟาน เพอร์ซี่,มานูเอล อัลมูเนียและมาติเยอ ฟลามินี่
อาร์เซน่อลพลาดการคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2004/05 โดยทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ทำคะแนนได้ถึง 83 แต้ม ซึ่งน่าจะเพียงพอกับการเป็นที่หนึ่งของตารางได้อย่างสบายเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านั้น แต่เชลซีเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกไปครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีของพวกเขาหลังจากโกยคะแนนไปได้ถึง 95 แต้ม ทีมปืนใหญ่ยังต้องตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกไปในรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยแพ้บาเยิร์น มิวนิคด้วยประตูรวม 2-3 แต่ก็ยังไม่จบฤดูกาลด้วยมือเปล่าเมื่อคว้าแชมป์เอฟเอคัพไปครองได้หลังจากดวลจุดโทษชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมฟุตบอล Chelsea

Chelsea

เชลชี ได้ก่อตั้งทีมขึ้นมาอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเข้าร่วมการแข่งขันในลีก เมื่อปี1905 โดยก่อนหน้านั้นไม่มีเหตุการณ์ที่สำคัญอย่างใดในตำแหน่งแชมป์จนกระทั้งปี 1955 เมื่อกลายเป็นทีมชนะเลิศ ดิวิชั่น 1 (ขณะนั้นยังไม่มีรายการแข่งขันพรีเมียร์ชิพ) ซึ่งเป็นลีกที่สำคัญที่สุดและสูงสุด หลังจากนั้นต่อมาในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 และตอนต้นของทศวรรษที่70 เป็นห้วงดวลาที่เชลชี พบกับความรุ่งเรืองอย่างสุดขึด เมื่อเชลชีเป็นทีมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด จนอาจเรียกได้ว่าเป็นจักรพรรดิบนถนนลูกหนังในขณะนั้น และเป็นทีมที่มีระบบการเล่นที่โดดเด่นทันสมัยป็นที่ประทับใจของแฟนบอลมากที่สุดในประเทศอังกฤษ เมื่อปี1970 เชลชี ได้พบกับทีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภาคเหนือ ลีดด์ ยูไนเต็ด เพื่อชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ โดยผลออกมาเสมอกัน 2ต่อ2 ที่สนามเวมบลี่ย์ และต้องกลับมาแข่งขันกันใหม่อีกครั้ง หรือที่รู้จักและเรียกกันว่า "เป็นการชิงชนะเลิศถ้วยสงครามโลก" เนื่องจากต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปเพราะเกิดสงครามโลก โดยเชลชีเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2 ต่อ1 พร้อมกับบวกเข้าไปอีก 1 แชมป์ คือ ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ คัพ เมื่อรุ่งเรืองสูงสุด ก็ถอยกลับลงสู่ความตกต่ำ โดยตกชั้นร่วงลงมาอยู่ในดิวิชั่น 2 และต้องใช้เวลาถึง 2-3 ปี จึงสมารถหวนกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ใหม่ได้อีกครั้ง ในปี1989 ซึ่งในฤดูกาลนี่ 1997/1998 เซลชี ได้แย่งถ้วยรางวัลมาได้ ด้วยการเป็นแชมป์ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ คัพ เป็นสโมสรฟุตบอลที่ทำให้วงการฟุตบอลก็ต้องตะลึง เมื่อไล่อดีตผู้จัดการทีม รุด กุลลิท ออกเมื่อเดือนกุมภาพนธ์ 1998 พร้อมกับให้จิอันลูก้า วิอัลลี่ เข้ามาทำหนาที่แทนในทันที แต่อยู่ได้ไม่เกิน 3 ปี ก็ต้องลาอกไปในต้นฤดูกาลที่200/2001

ทีมฟุตบอล Manchester United

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551



 


ในปี 1902 แต่ก่อนหน้านี้ ทีมขวัญใจของเราไม่ได้ชื่อนี้ พวกเขาถือกำเนิดด้วยชื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานเกินกว่า 100 ปีในปี ค.ศ.1878 พนักงานการรถไฟสายแลงคาเซี้ยร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่นั้น พวกเขา ได้ร่วมก่อตั้งทีมฟุตบอลกันขึ้นมา และตะเวณเล่นกันอยู่ในแถบเมือง นอร์ธกราวด์ ซึ่งอยู่ใน นิวตัน ฮีธ สถานที่ซ้อมก็ใช้รางรถไฟ เป็นเส้นแบ่งเขตสนาม ตลอดจนเสียง และควันจากรถไฟเครื่องจักรไอน้ำ ทีมฟุตบอล นิวตัน ฮีธที่พวกเขา ตั้งขึ้นมาก็เล่น ฟุตบอล กัน ได้อย่างดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยชุดแข่งที่ใช้เสื้อสีเขียว-เหลือง อย่างละครึ่ง กางเกงสีดำเป็นชุดเก่ง พนักงานที่อยู่ในแถบนั้น แพ้นิวตัน ฮีธ กระจุย ในปี 1885 สมาชิกในทีมได้ตัดสินใจติดต่อกับการรถไฟ และก่อตั้งทีมเพื่อเป็น บริษัท จำกัด โดยใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ ฟุตบอลคลับ ผลงานชิ้นแรกของเขาคือการคว้าแชมป์ แมนเชสเตอร์ คัพมาครอง นั้นคือถ้วยแรกของทีม นิวตัน ฮีธ ต่อมาอีกสามปีฟุตบอลลีคของอังกฤษ ได้ก่อตั้งกันขึ้นมา ทีมรอบๆเมือง โบลตัน กับแอคคริงตันถูกเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน ยกเว้นนิวตัน ฮีธ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังมีอีกหลายทีมที่ไม่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกในตอนแรก พวกเขาก่อตั้งลีคกันเองโดยใช้ชื่อว่า อัลไลแอนช์ โดยมีเชฟฟิลด์ เว้นท์เดย์,นอสติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ สมอลล์ ฮีธ ซึ่งใน ปัจจุบันก็คือทีม เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ นั่นเอง การแข่งขันในฤดูกาลแรกของพวกเขาได้อันดับ 8 จาก 12 ทีม ปีต่อมาได้อันดับ 9 ในปี 1891 พวกเขาได้ รองแชมป์ในปี ีต่อจากนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่างไรก็ตามปีต่อมาฟุตบอลลีค มีการแก้ไขเรื่องสมาชิกใหม่ พวกเขาตอบรับการ เข้าร่วม ในลีค การแข่งขันของทีม นิวตันฮีธ เปิดฤดูกาลใหม่พวกเขาแพ้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-4 จากนั้นทีกก็ล่วงไม่เป็นท่า โดยชนะแค่ 6 ครั้งใน 30 นัด ตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง ก่อนที่จะรอดการตกชั้นเพราะว่า พวกเขาชนะ สมอลล์ ฮีธ 5-2 ที่บรามอลล์เลน ปีต่อมา พวกเขาเล่นแย่เหมือนเดิม กลายเป็นทีม ที่อยู่ในอันดับบ๊วยของตาราง และก็โดน ลิเวอร์พูลถล่มเอาชนะไป2-0ทำให้ นิวตัน ฮีธ ตกชั้นไปในที่สุด ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขา แม้จะมีการยุบลีคและตั้งใหม่ แต่ทีมก็มีปัญหาใน การ เข้าร่วม เนื่องจากสถานะทางการเงินไม่เอื้ออำนวย ก่อนที่จะล้มละลาย ในปี 1902 จอห์น เดวี่ส์ เจ้าของกิจการเบียร์ท้องถิ่น เข้ามาดูแลกิจการของสดมสร พวกเขาย้ายมาจาก นอร์ธ โร้ด เพื่อไป ใช้สนามใหม่แถบ แบงค์ สตรีท หลังจากที่ อยู่ที่นอร์ธ โร้ด มา 9 ปีเต็ม ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านคู่แข่งขันอย่าง อาร์คลิค เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ประธานสโมสรคนแรกของ นิวตัน ฮีธ บอกว่าทีมของเขาสมควรที่จะใช้ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากกว่า แต่ถึงอย่างไรทีมก็ช้าไป พวกเขาเลยตั้งชื่อกันมา มากมายหลายชื่อ เช่น แมนเชสเตอร์ เซนทรัล,แมนเชสเตอร์ เซลติก, สองชื่อนี้ถูกปฏิเสธ ในที่สุดชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเข้ามาแทนที่ 26 เมษายน 1902 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือชื่ออย่างเป็นทางการของพวกเขา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยผู้จัดการทีมคนแรกคือ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ แต่ทีมที่ประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพได้ในปี 1904 ทว่าในเวลาต่อมาโดยสอบสวนพบว่ามีการจำหน่ายตั๋วผี ก็เลยทำให้ เมืองแมนเชสเตอร์ โดนแบน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล 1 ปี พอพ้นกำหนดโทษห้ามเล่น บิลลี่ เมเรดิธ นักเตะชาวเวลส์ กลายเป็นสมาชิกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที ปีเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง และเลื่อนชั้นมาเล่นในดิวิชั่นหนึ่ง ภายในระยะเวลาสองปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติยิง 82 ประตู คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง อย่างยื่งใหญ่ ในปี 1908 ด้วยสไตล์การเล่น ที่รู้กันอยู่ว่า "เร็วและสวยงาม" อย่างไรก็ตาม จอห์น เดวี่ร์ ประธานสโมสร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสนามเหย้าของทีม อีกครั้ง เขาตัดสินใจ ย้ายจากแบงค์ สตรีท ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่า พื้นสนามนั้นแย่มาก เขาย้ายห่างจากตัวเมืองไปอีก 5-6 ไมล์ ที่นั่นคือ .แทร็ฟฟอร์ด พาร์ค ย่านชานเมืองแมนเชสเตอร์ และเดวีร์เรียก สนามนัดเหย้า ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแห่งนี้ว่า...โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บ่ายสาม...6 ก.พ. 1958 ที่มิวนิค นั่นคือเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความโศกสลดในวงการฟุตบอลอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังสร้างทีมได้อย่างมั่นคงและเริ่มต้นไขว่คว้าหาความสำเร็จในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางไปแข่งขัน ฟุตบอลสโมสรยุโรปกับเร้ดสตาร์ เบลเกรด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาแวะที่มิวนิคเพื่อเติมน้ำมันก่อนกลับลอนดอน บางทีถ้าหากคุณเป็นส่วนหนึ่งของ ขุนพลนักเตะชุดนั้น คุณจะได้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า สีหน้าของขุนพล ทั้งหมดที่ไปชุมนุมกันก่อนขึ้นเครื่องบิน บีอีเอ เอลิซาเบธ นั้นเป็นยังไงในความพยายาม ของกัปตันที่ จะนำเครื่องขึ้นทะยานสู่ ท้องฟ้าหลัง จากแวะเติมน้ำมันที่สนามบิน เรม ของมิวนิคเรียบร้อยแล้ว บีอีเอพยายามสลัดให้พ้นรันเวย์ของเรม สองครั้ง สองครา ในความพยายามครั้งที่สาม จอห์นนี่ เบอร์รี่ ขุนพลของทีมพูดเล่นๆกับ เลียม วีแลน ว่าเรากำลังจะตาย ในความ เป็นจริงเบอร์รี่รอดตาย แต่วีแลนพร้อมทั้ง โรเจอร์ ไบรน์,เจฟฟรี่ย์ เบนต์,เอ็ดดี้ ดอลแมน,มาร์ค โจนส์,เดฟ เพก,ทอมมี่ เทย์เลอร์ เสียชีวิตพร้อมกันกับลูกเรือและเจ้าหน้าที่ทีม เครื่องบินตกใส่บ้านคนในสภาพที่หนาวเหน็บ หิมะตก คนที่เสียชีวิต ในเวลาต่อมา คือ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ นักเตะที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษด้วยอายุน้อยที่สุด เขานอนโรงพยาบาล 15 วัน ก่อนที่จะสิ้นลม นอกจากนี้ยังมี ทอมแจ๊คสัน และแฟร้งค์ สวิฟต์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม แฮรี่ เกรกก์ ผู้รักษาประตูอีกคนหนึ่งของทีม กล่าวว่า ไม่มีเสียงร่ำไห้ ไม่มีเสียงคร่ำครวญ สภาพวันนั้นมีแต่ความมืดและกลิ่นน้ำมันเครื่องบิน หลังจากรอดพ้นความตายอย่าง หวุดหวิด เกรกก์รู้สึกละอายใจที่เขารอดในขณะเพื่อนรว่มทีมเสียชีวิตกันจนหมด นั่นรวมทั้ง แมตต์ บัสบี้ ที่รอดพ้นการตาย ในโรงพยาบาล กลับยืนหยัดลุกขึ้นมามุ่งมั่นจนพาทีมประสบความสำเร็จอย่างสุดยอด ทีมของเขาเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก นั่นคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ไม่ได้มาแบบโชคช่วย ภาพนาฬิกามิวนิคที่ติดตั้ง อยู่บริเวณ อัฒจรรย์หน้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แสดงถึงวันที่เครื่องบินตกและ เวลาเพื่อย้ำเตือนแฟนผีแดงรุ่นใหม่ให้ใส่ใจกับ ประวัติศาสตร์อันน่าสะเทือนใจของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายสามโมงของ วันที่ 6 ก.พ